เกษตรกรแชร์ “ปลูกหอม” เพียง 4 ปี ปลดหนี้ได้ 20 ล้าน

ต้องบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ได้รับความสนใจกันเป็นอย่างมาก สำหรับเรื่องราวการทำเกษตรของคุณโสภณวิชญ์ แซ่ลิ้ม เกษตรกรชาวราชบุรี ที่ได้ปลูกหอมขายเพียงเวลาแค่ 4 ปี สามารถปลดหนี้ให้ครอบครัวได้ถึง 20 ล้าน ฟังดูแล้วอาจดูเกินจริง แต่บอกได้เลยว่าเรื่องราวที่เรานำมาแชร์ในวันนี้ของจริงแน่นอน ส่วนจะมีวิธีการปลูก และการทำการตลาดอย่างไรว่าแล้วไปชมกันเลยค่ะ

คุณโสภณวิชญ์ แซ่ลิ้ม หรือคุณวัน เกษตรกรหนุ่มวัย 37 ปี ชาวราชบุรี อยู่เลขที่ 6 ต.แก้มอัน อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เกิดและเติบโตมาในครอบครัวปลูกอ้อย จนกระทั่งราวปี 2540 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ขายอ้อยไม่ได้ เนื่องจากโรงงานน้ำตาลปิดตัวลง ทางบ้านเลยลดปริมาณการปลูกอ้อย แล้วหันมาปลูกพืช ผักสวนครัว เช่น หัวไชเท้า คะน้า มันสำปะหลัง รวมถึงต้นหอม เพื่อทดแทนรายได้ที่หายไป

สำหรับพื้นที่ปลูกอ้อยของคุณวันราว 500 ไร่ ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ช่วงนั้นเรียนอยู่มัธยมศึกษาตอนปลาย ยังไม่ได้เข้ามาช่วยงานที่บ้านเต็มตัว กระทั่งเรียนจบปี 2546 มารู้ว่าคุณพ่อเป็นหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ เบ็ดเสร็จ 20 ล้านบาท เลยตั้งปณิธานไว้ว่าในฐานะลูกชายคนที่ 2 ของบ้านจะต้องปลดหนี้ครอบครัวให้ได้

ช่วงที่คุณวันเรียนจบ สาขาวิชาการตลาด มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ช่วงแรกเขาปฏิเสธการเป็นเกษตรตามรอยพ่อเลือกที่จะทำงานกินเงินเดือน อาทิ ขายประกัน และขายตรงสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่ขายตรงกำลังไปได้ด้วยดี เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่ทำให้ต้องไปเป็นเกษตรกรจวบจนทุกวันนี้

“ช่วงที่ผมอยู่กรุงเทพฯ ทำอาชีพขายตรง พี่ชาย บอกว่า ให้มาช่วยขายผัก เพราะพี่สะใภ้แพ้ท้อง เลยต้องกลับราชบุรี ช่วงนั้นถึงได้รู้ว่าที่บ้านเป็นหนี้ 20 ล้านบาท เลยตั้งใจไว้ว่าจะต้องช่วยปลดหนี้ให้ได้”

สำหรับช่องทางหารายได้เพื่อมาใช้หนี้ ชายหนุ่มเลือกนำผลผลิตจากไร่ โดยเฉพาะต้นหอมไปขาย เพราะนั่นคือต้นทุนเดิม ไม่ต้องไปเริ่มธุรกิจใหม่ “ก่อนทำอะไร ผมจะวางแผน ซึ่งเดิมที่บ้านก็ขายต้นหอมอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้วางแผนการตลาดที่ดี ผมเข้ามาช่วยบริหารจัดการ ลักษณะไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ไปส่งถึงตลาดเอง ปรากฏภายใน 2 ปีแรก ขายต้นหอมได้วันละ 3 ตัน ปีที่ 3 เพิ่มเป็นวันละ 10 ตัน ปีที่ 4 เพิ่มเป็นเกือบ 15 ตันต่อวัน

แต่ปัจจุบันลดลงเหลือเพียงวันละ 9 ตันพอ เพราะเนื่องจากปริมาณเยอะ เกิดปัญหาดูแลไม่ทั่วถึง ต้นหอมถูกขโมยบ้าง เสียหายบ้าง”ปัจจุบันพื้นที่ปลูกต้นหอมของคุณวัน ราว 300 ไร่ ในจำนวนนี้มีเครือข่ายเกษตรกรบ้างเล็กน้อย ปลูกสลับหมุนเวียนกับผักสวนครัวชนิดอื่นด้วย ต้นหอม 1 ไร่

จะให้ผลผลิตต่อวันราว 2 ตัน ป้อนตลาดส่งให้บรรดายี่ ปั๊ว 9 ตัน มีรายได้เฉลี่ยวันละ 1 หมื่นบาท เดือนละ 3 แสน เฉลี่ยปีละ 3 ล้านบาทสำหรับต้นทุนการปลูกต้นหอม ราว 20,000 บาทต่อไร่ ราคาต้นหอมขึ้นลงตามฤดูกาลและราคาตลาด หน้าร้อนต้นหอมแพงกิโลกรัมละ 100 – 150 บาท หน้าฝนกิโลกรัม 50 –60บาท หน้าหนาวราคาต่ำ กิโลกรัม 5 – 10 บาท

การเก็บต้นหอม คุณวันจะจ้างแรงงานชาวบ้านในหมู่บ้านมาเก็บต้นหอมและล้างต้นหอม ก่อนแยกมัด มัดละ 1 กิโลกรัม เพื่อนำส่งขายในตลาดค้าส่งสินค้าเกษตร ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง รวมถึงมีส่งออกต่างประเทศบ้างในลักษณะตัวแทนจำหน่าย

สำหรับกระบวนการปลูกต้นหอม เกษตรกรหนุ่มวัย 37 ปี บอกว่า เลือกพันธุ์หอมแบ่ง ใช้หัวพันธุ์จากอุตรดิตถ์ เป็นพันธุ์เขียว ให้ผลผลิตสูง ไม่ค่อยกลายพันธุ์ ราคากิโลกรัมละ 10-100 บาท ซึ่ง 1 ไร่ ใช้หัวพันธุ์ต้นหอมราว 60 – 80 กิโลกรัม ก่อนลงปลูก ตัดจุกเล็กน้อยพอให้เห็นใบเลี้ยงด้านใน ปักลงดินลึก 3 ใน 4 นำฟางคลุมไว้ รดน้ำให้ชื้น

การเตรียมดิน ยกแปลงปลูกยาว 1 เมตร ระยะห่างต่อต้นราว 15 เซนติเมตร ต้นหอมเป็นพืชชอบดินร่วมซุย รดน้ำวันละ 2 ครั้ง การบำรุงรักษา ก่อนปลูกใส่ปุ๋ยบำรุงดิน โดยให้ใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักชีวภาพ หรือปุ๋ยเคมี ถ้าเป็นปุ๋ยเคมีก็มีสูตร 16-10-10 ใส่ให้ทั่วเฉลี่ย 50 กิโลกรัมต่อไร่ หลังปลูกไปได้ 25 วัน ใส่ปุ๋ยสูตร 16-10-10 ใส่ให้ทั่วเฉลี่ย 50 กิโลกรัมต่อไร่

การเก็บเกี่ยวและจำหน่าย ต้นหอมสามารถเก็บและออกจำหน่ายได้ดีจะต้องมีอายุ 40-45 วัน หลังการเพาะปลูก เพราะผักจะโตเต็มที่ ใบสีเขียวสด สำหรับความเป็นไปได้ ในการปลูกและขายต้นหอมให้ได้เงินแสนโดยใช้เวลา 45 วัน เฉลี่ยราคาต้นหอม กิโลกรัมละ 50 บาท 1 ไร่ทำได้ 2,000 กิโลกรัม (50 X 2,000 = 100,000บาท) ซึ่งระยะเวลาเพียง 4 ปี หลังหักค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ผู้ชายคนนี้สามารถขายต้นหอมปลดหนี้ได้สูงถึง 20 ล้านบาท

ขอบคุณที่มา : เส้นทางเศรษฐีออนไลน์