ข่าวดี!! อนุทิน บรรจุโรคมะเร็ง เข้านโยบาย 30 บาทรักษาได้ทุกที่

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง ข่าวดี เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2563 ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบนโยบาย “มะเร็งรักษาทุกที่ ที่มีความพร้อม” แก่ทีมแพทย์

นายอนุทิน กล่าวว่า โรคมะเร็ง เป็นโรคที่มีความรุนแรง เมื่อตรวจพบแล้ว จำเป็นต้องรักษาอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันนี้ แม้จะมีการระบาดของโควิด-19 แต่รัฐบาล ได้จัดสรรงบประมาณ

โรคมะเร็ง เป็นโรคที่ต้องให้ความสำคัญ มีการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามาช่วย ภายใต้การสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุข

รวมไปถึงได้นำแพทย์ทางเลือก มาช่วยบรรเทาอาการ อาทิ การใช้กัญชา ในการดูแลผู้เป็นมะเร็ง ขณะเดียวกัน ได้เพิ่มขีดความสามารถในการรักษา อาทิ โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่เริ่มให้คีโม ถึงบ้านส่งผลให้สุขภาพจิตของผู้เป็นมะเร็งดีขึ้น

รมว.สธ. กล่าวอีกว่า ตนได้มีโอกาสหารือกับอธิบดีกรมการแพทย์ ทราบว่าประเทศไทยต้องการเครื่องฉายรังสีอีก 6-7 เครื่อง เพื่อขยายศักยภาพการให้บริการประชาชน ได้ผลักดัน

ล่าสุด ทางพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว จะมีการจัดหา และนำมาติดตั้งตามโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน

นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ เป็นแนวทางการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ซึ่งโรคมะเร็ง ได้รับเลือกเป็นลำดับต้นๆให้เข้าร่วมในโครงการนี้ เพราะมีความรุนแรง และต้องรีบรักษา

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 โรงพยาบาลของรัฐที่มีความพร้อมในการดูแลผู้เป็นมะเร็ง สามารถให้บริการได้ทันที เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน จากนี้ ทางกระทรวงฯ จะต้องยกระดับคุณภาพของทุกโรงพยาบาล ให้มีขีดความสามารถในการรักษาเท่าๆ กัน” รมว.สธ. กล่าว

โดยกรมการแพทย์ได้พัฒนา 4 โปรแกรมขึ้นมารองรับนโยบายมะเร็งรักษาทุกที่ท่มีความพร้อม ได้แก่

1.โปรแกรมฐานข้อมูลทะเบียนมะเร็ง Thai Cancer Based (TCB) ที่ต่อยอดเป็น TCB Plus เพื่อให้ใช้ลงทะเบียนและรับส่งต่อผู้ป่วย

2.The One Program เพื่อใช้บริหารจัดการคิวในการตรวจทางรังสีวินิจฉัย และการรักษาด้วยรังสีรักษาและเคมีบำบัด โดยผู้เป็นมะเร็งสามารถเลือกประเภทการตรวจหรือรักษา เช่น การทำ MRI, แมมโมแกรม, ซีทีสแกน เป็นต้นซึ่งแต่ละบริการจะระบุจำนวนโรงพยาบาลที่มีความพร้อมให้บริการ

เมื่อเลือกโรงพยาบาลที่ต้องการแล้ว สามารถเลือกวันและเวลาที่สะดวกได้ ซึ่งจะมีตารางให้เห็นว่า รอบบริการไหนที่มีคิวเต็มแล้วหรือยังว่างอยู่ เปรียบเสมือนการชมภาพยนตร์ที่สามารถเลือกภาพยนตร์ที่ชอบ เลือกโรงหนัง เลือกรอบเวลาและที่นั่งตามสะดวก

3.โปรแกรม DMS bed Monitoring เพื่อใช้บริหารจัดการเตียง

4.แอปพลิเคชัน DMS Telemedicine ที่ใช้นัดคิวเพื่อรับการปรึกษาทางไกล (Tele-Consult) กับแพทย์ได้ ขอนัดรับยา ติดตามการรับยาทางไปรษณีย์ เป็นต้น

ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 โรงพยาบาลของรัฐที่มีความพร้อมในการดูแลผู้เป็นมะเร็ง สามารถให้บริการได้ทันที เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน จากนี้ ทางกระทรวงฯ จะต้องยกระดับคุณภาพของทุกโรงพยาบาล ให้มีขีดความสามารถในการรักษาเท่าๆ

แหล่งที่มา : thaihitz.com

เรียบเรียงโดย : item2day.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.