โรงงานรถญี่ปุ่นในไทย สั่งหยุดงาน หลังได้รับผลกระทบจาก ค่าเงินบาทแข็งกำไรหายเป็นหมื่นล้าน

เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา ทางสื่อญี่ปุ่น ได้มีรายงานว่า บริษัทผลิตยานยนต์สัญชาติญี่ปุ่นในประเทศไทย จ่อย้ายฐานการผลิตออกจากไทย หลังได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของเงินบาท จนทำให้ผลประกอบการมีกำไรหดหายเป็นจำนวนมาก

โดยหนึ่งในบริษัทที่อยู่ระหว่างพิจารณาแผนย้ายฐานการผลิตก็คือ มาสด้า มอเตอร์ (Mazda Motor) ที่คาดว่าจะมีการโยกย้ายฐานประกอบรถรุ่น CX-3 sport หนึ่งในรถรุ่นท็อปที่เน้นส่งออกไปตลาดออสเตรเลีย กลับมาทำการประกอบที่โรงงานในเขตโฮฟุ จังหวัดยามากูจิ ทางตะวันตกของญี่ปุ่น ในช่วงต้นธันวาคม

สำหรับประเทศไทย นับเป็นศูนย์กลางการผลิตและประกอบชิ้นส่วนยานยนต์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ค่ายผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง โตโยต้า มอเตอร์ (Toyota Motor), ฮอนด้า มอเตอร์ (Honda Motor), นิสสัน มอเตอร์ (Nissan Motor) อีซูซุ มอเตอร์ (Isuzu Motors)

รวมถึงมาสด้า มอเตอร์ ล้วนมีฐานผลิตในไทย ในปี 2561 มีรถยนต์จากค่ายต่าง ๆ ที่ได้รับการผลิตในประเทศไทยเป็นจำนวนมากถึง 2.16 ล้านคัน โดยมีจำนวนครึ่งหนึ่งที่จะถูกส่งออก

สำหรับโรงงานของมาสด้าในไทย มีกำลังการผลิตมากถึงปีละ 135,000 คัน ในจำนวนนี้เป็นรถรุ่น CX-3 ของมาสด้าถึง 25,000 คัน ซึ่งจะถูกส่งออกไปยังตลาดในออสเตรเลีย 14,000 คัน

ทั้งนี้ เงินบาทของไทยเป็นสกุลเงินที่แข็งค่ามากที่สุดในตลาดเงินเกิดใหม่ สืบเนื่องจากดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลของไทย ในปี 2562 พบว่าเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นถึง 8% เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย และแข็งค่าขึ้น 6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่ทางธนาคารในไทยคาดกันว่า เงินบาทจะแข็งค่ามากขึ้นอีก ทำให้เกิดความกังวลว่าผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นอาจทำตามรอยมาสด้า ในช่วงเวลาที่ทุกบริษัทต่างพยายามปรับกลยุทธ์ใหม่ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการแข็งค่าของเงินบาท

ก่อนหน้านี้ในสิงหาคมที่ผ่านมา เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประเทศไทย (General Motors) ได้ประกาศเลิกจ้างพนักงานไปกว่า 300 ชีวิต ท่ามกลางสภาวะที่ผลประกอบการของบริษัทลดลง 15% เมื่อเทียบกับรายได้ปีต่อปีในช่วง 10 แรก

ในขณะที่ นิปปอน สตีล (Nippon Steel) ซึ่งใช้โรงงานในไทยผลิตแผ่นเหล็กความแข็งแรงสูง ป้อนแก่ค่ายรถสัญชาติญี่ปุ่น ก็ต้องขอให้พนักงานหยุดงานชั่วคราว สืบเนื่องจากความต้องการใช้วัตถุดิบจากลูกค้าลดลงต่อเนื่องในช่วงหลายที่ผ่านมา จนกระทบยอดการผลิตของบริษัท

ทั้งนี้ พบว่าผลจากอัตราแลกเปลี่ยนส่งผลกระทบให้กำไรของมาสด้า ลดลงไปถึง 3.75 หมื่นล้านเยน หรือราว 1.03 หมื่นล้านบาท ในช่วงเมษายน-กันยายน ที่ผ่านมา ขณะที่ โตโยต้า มีกำไรลดลง 9 หมื่นล้านเยน หรือราว 2.48 หมื่นล้านบาท ฮอนด้า มีกำไรลดลง 5 หมื่นล้านเยน หรือราว 1.37 หมื่นล้านบาท

และมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors) ซึ่งมีศูนย์การผลิตรถเพื่อส่งออกใหญ่สุดอยู่ในไทย ผลกำไรลดลง 2.22 หมื่นล้านเยน หรือราว 6.11 พันล้านบาท

ด้าน มาซาโนริ คาตะยามะ ประธานของอีซูซุ ได้ออกมายอมรับว่า อีซูซุ ซึ่งผลิตรถปิกอัพในไทย และมีการส่งออกไปกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ก็ได้เผชิญความเสียหายจากการแข็งค่าของเงินบาทเช่นกัน เมื่อผลกำไรของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

แหล่งที่มา: baterk

เรียบเรียงโดย item2day.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.