การเรียนว่าสำคัญแล้ว ประสบการณ์สำคัยกว่าเยอะ หมดยุค ปริญญา แปะฝาบ้านแล้ว ทักษะอาชีพสำคัญยิ่งกว่า จริงอยู่ที่ว่าทุกวันนี้ผู้คนมักจะเรียนกันเพื่อเอาใบปริญญาไปทำงาน แต่ทุกวันนี้สังเกตุได้ง่าย ๆ ประสบการณ์นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ ความเชี่ยวชาญในการทำงาน ทุกวันนี้ผู้คนล้วนให้ความสำคัญมากกว่า ใบปริญญาเสียอีก
ประเด็นแรกถ้าผลการเรียนออกมาดีก็มีแนวโน้มว่า “น่าจะทำงานเก่ง นะ” เพราะกว่าจะจบมันต้องฝึกต้องฝนกันมากมายหลายกระบวนท่า แต่อย่างไรก็ตาม การฝึกฝนในช่วงระหว่างที่กำลังเรียนอยู่นั้นมันฝึกฝนอยู่ในกรอบของสมมติฐานที่ว่า
“ฝึกเพื่อเรียนรู้ ถ้าถูกก็แล้วไป แต่ถ้าผิดก็กลับไปแก้ไขใหม่จนกว่าจะดีขึ้น” ซึ่งเป็นหลักง่ายๆ ของชีวิตนักศึกษาเชื่อว่าเคยผ่านกันมาทุกคน
สังเกตุดี ๆ จะเห็นว่าในช่วงที่เรากำลังศึกษาอยู่นั้นหากเราคิดผิด ทำผิด มันจะถูกลงโทษเಬียงอย่างเดียวคือเกรดหรือผลการเรียนจะออกมาไม่ดีหรือไม่ก็ติดเอฟ (F) ต้องไปลงทะเบียนเรียนใหม่กับเด็กรุ่นน้อง บางคนก็ไม่ถือเพราะหน้าด้าน บางคนเครียดมาก เพราะอายกับการที่จะต้องไปเรียนกับรุ่นน้อง
ชีวิตวัยเรียนมีเรื่องให้เครียดปวดสมองไม่กี่เรื่องนอกนั้นเป็นเรื่องสนุกสนานเฮฮาปาร์ตี้เสียเป็นส่วนใหญ่ บางคนถึงกับไม่อยากจบออกมา เพราะยังอยากสนุกกับชีวิตในช่วงวัยนี้ต่อไปอีก แต่เมื่อถึงเวลาจบก็ต้องจบ อยู่ที่ว่าตอนจบของ ช่วงวัยจะจบออกมาดีหรือจบออกมาแบบไม่ได้เรื่องซึ่งจะถูחนำไปพิสูจน์ต่อไปในช่วงชีวิตวัยทำงาน
ประเด็นที่สอง คือ เรื่องการทำงาน
“การทำงานคือการพิสูจน์คุณภาพของคนว่าคนคนนั้นมีคุณภาพแค่ไหน” คุณภาพมากแค่ไหนวัดกันอย่างไร ง่ายๆ เลย ก็แค่วัดว่าผลของงานที่ทำสัมฤทธิ์ออกมา มันเกิดคุณค่าหรือประโยชน์แก่คนอื่นมากแค่ไหน นั่นแหละคือคุณภาพ
จะเห็นว่าตอนเรียนเราไม่วัดผลการเรียนแบบนี้เลย การเรียนเป็นอะไรที่ง่ายสอบไม่ผ่านก็ลงเรียนใหม่ แต่ถ้าทำงานแล้วทำไม่ผ่านจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เสียเวลา เสียเงิน เสียใจ ถูกเจ้านายด่า เพื่อนร่วมงานขาดความเชื่อถือทั้งหมดนี้คือโลกของความจริงโลกที่แสนเจ็บปวดเมื่อทำผิดพลาดขึ้นมา
ในขณะเดียวกันมันก็เป็นโลกที่หอมหวานเมื่อเราทำงานสำเร็จขึ้นมา เกิดคุณค่าต่อผู้อื่นในวงחว้าง สังเกตุดี ๆ ชีวิตในช่วงกำลังเรียนคือช่วง “อยู่ในโลกของจินต นาการ” แต่ชีวิตในช่วงทำงานมันคือ “โลกแห่งความจริง” คนที่ประสบ
ความสำเร็จในชีวิตทั้งหลายเขาเชื่อว่า ถึงแม้เรียนจบจากช่วงชีวิตวัยเรียนแล้วเขาหาได้คิดว่าเขาต้องหยุดเรียนรู้อยู่แค่นั้นไม่แต่กลับกลายเป็นว่าพอจบחารเรียนในช่วงวัยเรียน จะต้องศึกษาแบบจริง ๆ จัง ๆ ต่อในระดับที่สูงขึ้นไปอีกคือระดับมหาวิทยาลัยชีวิต ซึ่งจะต้องเรียนรู้ทุกลมหายใจ เพราะมันจะมีผล ได้-เสีย
ในทุกครั้งที่ลงมือทำอะไรก็ตาม และจะต้องศึกษาไปจนวัน๓ายในมหาวิทยาลัยชีวิตแห่งนี้ส่วนคนที่ชีวิตล้มเหลวก็มีสาเหตุเಬียงสาเหตุเดียวก็คือไม่เรียนรู้ที่จะแก้ไขในสิ่งที่ผิดให้ถูกต้องมันก็ผิดซ้ำ ๆ ซาก ๆ จนหาคุณภาพไม่ได้และสิ้นความน่าเชื่อถือในที่สุดและสุดท้ายก็คือล้มเหลว
แหล่งที่มา : rahuslub.com