คนที่ยืมเงินแล้วไม่คืน ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ผลกรรมตามทันแน่นอน

ยืมเงินและไม่ส่งคืน ผลลัพธ์อาจไม่เหมือนกัน ต้องดูกรรมของแต่ละคน เมื่อรู้ว่ากรรมเป็นอย่างไร มันจะเพียงพอที่จะคิดว่ากรรมใดควรเกี่ยวกับรูปแบบของกรรมแปรไปตามเจตนา รวมทั้งความสามารถที่จะทำให้สำเร็จ ตามเจตนาด้วย กรรมไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้า ชาตินี้ก็ใช้ไม่หมดสำหรับคนที่ทำชั่วไว้มาก ๆ

บางคนยืมด้วยความตั้งใจ อาจมีข้อตกลงที่ชัดเจนว่า เมื่อใดที่จะส่งคืนหรือให้ดอกเบี้ย จากนั้นสามารถส่งคืนพร้อมของขวัญฟรีตามข้อตกลง ผลทันที เป็นสายสัมพันธ์ที่ดี มีความน่าเชื่อถือซึ่งกันและกัน
คู่กรณีเห็นว่ามีบุญที่ให้โอกาส ฝ่ายที่ได้รับนั้นถือเป็นบุญอย่างที่เขาทำ มีความสุขกับการเป็นทั้งผู้ใหญ่ด้วยกัน

บางคนยืมด้วยความตั้งใจที่จะกลับมา เสร็จสมบูรณ์ไม่สามารถคืนชนิดที่เป็นไปไม่ได้ สิ่งนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อโกง ไม่ทำลายศีล 2 แต่ผลกระทบทันทีจากปัจจุบัน เป็นทุกข์ ขาดความนับถือตนเอง และไม่ได้รับความเชื่อถือจากผู้อื่น

สำหรับผลลัพธ์ในประเทศถัดไปมันค่อนข้างสมน้ำสมเนื้อ เช่นการให้เงินกับใครก็ตามที่ยังไม่ได้ยืม เพราะเหตุสุดวิสัยของลูกหนี้เป็นต้น

บางคนยืมมาด้วยความตั้งใจที่จะมาและเรียงลำดับ ไม่ไม่แน่ใจว่าจะคืนเมื่อใด คิดเพียงชั่วครู่ว่ามีมากมาย เช่นนี้จับคู่อย่างเท่าเทียมกัน เพราะทำถูกต้องมีสิทธิ์ที่จะพลิกจาก ‘รอสักครู่ มันง่ายที่จะ ‘ดีกว่า’
ณ จุดหนึ่งคนเหล่านี้จะลืมความสัมพันธ์เก่าทั้งหมด เมื่อเห็นตัวเลขในบัญชีที่ส่งคืน แต่เสียใจ

ความตระหนี่ รู้สึกว่ามันอยู่ในบัญชีของฉัน สิ่งที่สำคัญจะหายไปในมือของคนอื่น ความสำคัญคือ ทั้งๆที่นั้น เป็นไข่มุกวิเศษที่ความหลงไหลบงการก่อให้เกิดบาป ผลที่ตามมาคือจิตใจที่อ่อนแอ คุณคิดอย่างไรกับเด็ก ๆ

บนเส้นทางที่ไร้สาระ ด้านหน้าเป็นสิ่งที่คู่ควรกับชะตากรรมที่ไร้เหตุผล วันหนึ่งเหมือนมีทรัพย์สินที่ยั่งยืน เมื่อวันก่อนหายไปเหมือนความฝันบางคนยืมด้วยความตั้งใจไม่คืนตั้งแต่แรก แต่มาหว่านล้อมล่อหลอกว่าจะคืน พร้อมดอกเบี้ยมหาศาลบานตะไท ที่มายืมตรงนี้ก็เพียงเพราะ อยากประชดแบงก์ที่กู้ยากกู้เย็นนัก อันนี้ผิดศีลข้อ 2 เต็ม ๆ

เพราะขึ้นต้นด้วยเจตนาถือเอาทรัพย์ ที่เจ้าของมิได้ยกให้ และการผิดแบบนี้แถมพกข้อ 4 มาด้วย ฉะนั้น ในที่ที่กรรมเผล็ดผล โทษสถานเบาในโลกมนุษย์ คือต้องเหมารวมทั้งผลของ

การผิดข้อ 2 และ 4 รวมกันสองกระทง ผลของข้อ 2 คือเป็นผู้มีทรัพย์พินาศด้วยเหตุร้าย ผลของข้อ 4 คือเป็นผู้ถูกหลอกลวง ถูกใส่ร้าย พูดง่ายๆ ว่า มีสิทธิ์เสียทั้งทรัพย์ เสียทั้งชื่อเสียง ด้วยการถูกใส่ร้าย ใส่ไคล้ หรือถูกต้มตุ๋นล่อลวงได้สารพัด

แต่ข้อเท็จจริง เป็นเช่นที่พระพุทธเจ้าตรัส คือ คนโกหกเป็นนิตย์ ที่จะทำชั่วอะไรไม่ได้นั้นไม่มี ยิ่งถ้ามาถึงขั้นโกหกเพื่อเชิดเงินคนอื่นได้ ทำให้เขาเดือดร้อนหน้าตาเฉยได้ ก็แปลว่าต้องทำบาปร้ายกาจได้หนักกว่านี้ไปเรื่อย ๆ ฉะนั้น โทษทัณฑ์ที่แท้จริง ก่อนจะมีสิทธิ์ได้กลับมาเป็นมนุษย์ จึงน่ากลัวกว่าที่เราเห็น ๆ กันขณะเป็นมนุษย์

 

แหล่งที่มา : udoncitynews.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.