เรื่องราวของหนูย้อยวัย ป.3 ที่รู้จักทำงาน ช่วยแม่ เด็กหญิงคนดังกล่าวคือน้องน้ำหวาน น้องน้ำหวานจะรับจ้างเก็บเศษอาหารร้านค้าในอำเภอเพื่อนำไปเลี้ยงหมูให้กับเจ้าของฟาร์มหมู
โดยทุกเย็นหลังเลิกเรียนน้ำหวานจะช่วยตัวถังข้าวสารถังเศษอาหารนำขึ้นรถพ่วงข้างเพื่อนำไปส่งที่ฟาร์มกับแม่แม้ข้าวหมูจะทำสกปรกอีกทั้งยังทำให้เสื้อผ้าเลอะเทอะเปรอะเปื้อน
แต่น้ำหวานก็เต็มใจที่จะทำงานนี้เพราะเงินทุกบาทที่เขาหาได้สามารถนำไปใช้ในโรงเรียนและแบ่งเบางานหนักของแม่ได้อีกด้วย เนื่องจากถังข้าวแต่ละถังมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 10 ถึง 15 กิโลกรัม
จะส่งผลต่อแขนของแม่ที่มีอาการชาอยู่แล้วครอบครัวของน้องน้ำหวานได้เช่าบ้านหลังละ 1,500 บาท อยู่ด้วยกัน 5 ชีวิต พ่อรับจ้างเป็นช่างพ่นสีในอู่ซ่อมรถ
น้องชายอายุ 6 ขวบ ส่วนพี่ชายอายุ 10 ขวบจำเป็นต้องไปบวชเรียนเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวพ่อแท้ๆของน้องน้ำหวานแยกทางกับแม่ตอนน้องน้ำหวานอายุได้เพียง 5 ขวบ
น้องน้ำหวานกับเณรไม่ใช่ลูกของพ่อเลี้ยงเด็กๆจึงพยายามดิ้นรนด้วยตนเอง ยิ่งในสถานการณ์วิกฤต โควิด งานรับจ้างไม่ค่อยแน่นอนทำวันหยุดวันเมื่องานน้อย
แม่กับลูกจึงไปขอรับอาหารกล่องจากที่ว่าการอำเภอจอมบึงที่จะมีคนนำมาแจกวันละ 1 กล่องแต่ละวันจะมีข้าวแจกให้กับคนในอำเภอจอมบึงวันละ 300 กล่อง
นอกจากที่น้องน้ำหวานกับแม่จะช่วยรับส่งอาหารหมูแล้วในช่วงปิดเทอม แม่และน้องน้ำหวานยังรับจ้างขๅยข้าวแกงที่ร้านค้าในมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงจังหวัดราชบุรีแต่ทำได้พักนึงทางมหาวิทยาลัยก็สั่งปิดไม่มีนักศึกษาร้านค้าจึงต้องปิดตัวลงสองแม่ลูกจึงต้องหยุดงานนี้ไปด้วยเช่นกัน
บางวันก็ออกรับจ้างทำงานก่อสร้างแต่ก็ไม่แน่นอนตอนนี้อาศัยหาผัก หาตั้มมึงเก็บมาทำกับข้าวเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและได้ค่าที่ทางอำเภอแจกประทังชีวิตในอนาคตน้องน้ำหวานมีความฝันอยากเป็นครูเพื่อที่จะได้เป็นที่ปรึกษาให้กับเด็กๆสามารถ
ร่วมสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับน้องน้ำหวานได้ที่บัญชี เด็กหญิงศจิกา รสชุ่ม ธนาคารกรุงไทยสาขาจอมบึงเลขที่บัญชี 740449673
แหล่งที่มา : คนหัวใจแกร่ง
เรียบเรียงโดย : tem2day.com