หนุ่มขอโทษคนไทย พร้อมเล่า ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ทรงนำภาษีใช้ยื้อชีวิตพี่ชาย

เรื่องราวที่โลกออนไลน์ส่งต่อกันเป็นจำนวนมาก เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งออกมา ขอโทษ คนไทย หลังจากที่ภาษีของท่านฟ้าหญิงจุฬาภรณ์เอามาใช้จ่าย ในการช่วยชีวิตพี่ชายของเขา โดยจากโพสต์ได้ระบุข้อความว่า

“ภาษีกู ภาษีกู” คำนี้มันบาดลึกเข้าในใจผมมาก เมื่อเห็นภาพขอโทษคนไทยทุกคน ที่อาจจะคิดว่าภาษีของท่านโดนฟ้าหญิงจุฬาภรณ์เอามาใช้จ่าย ในการช่วยชีวิตพี่ชายผม ยาวหน่อย ช่วยอ่านหน่อยนะครับ

แต่นี่คืออีกเหตุผลที่ผมรักและเทิดทูนสถาบัน ใครมาวิจารณ์เสียๆหายๆไม่ได้พี่ชายผม เป็นโรคลมชักตั้งแต่เด็กๆกินยาต้ม ยาโรงบาล ตั้งแต่เด็กจนจบปริญญาตรีอาการหนักสุดคือ นอนเฉยๆก็ชักน้ำลายฟูมปากทุกคนในบ้านเครียด ร้องไห้หนักมากโดยเฉพาะแม่และยาย

เมื่อตรวจละเอียด จึงพบว่า มีแผลเล็กมากๆและอยู่ลึกในสมอง เป็นส่วนที่ผ่าตัดยากมาก แต่ต้องผ่า ถ้าไม่ผ่า สุดท้ายจะลามไปส่วนอื่นเหมือนกระแสไฟฟ้า(ซึ่งตอนนั้นเริ่มลามแล้ว) และจะเอ๋อ ช่วยตัวเองไม่ได้

ในที่สุดซึ่ง รพ.มอ ตอนนั้นก็ไม่มีเครื่องมือและหมอที่ทำได้ขนาดนั้นแต่แม่ก็ไม่ยอม เพราะขึ้นชื่อว่าผ่าหัวลูก ใครๆก็กลัวผ่าก็เสี่ยง ไม่ผ่าก็เสี่ยง เหมือนมึหมอกมาคลุมที่หลังคาบ้านอยู่หลายปี

กินยาที่ รพ. มอ มาเรื่อยๆ จนหมอสงสารช่วยทำเรื่องให้รักษาที่ รพ.จุฬาภรณ์ตามโครงการของท่าน(ฟ้าหญิง พระยศในขณะนั้น)โดยรักษาร่วมกับระหว่าง รพ.จุฬาภรณ์ กับ รพ.จุฬาลงกรณ์

แม่ยอมให้ผ่าตัดในที่สุดพีคสุดคือเปิดสมอง คาไว้ 2 วันมีหมอระดับอาจารย์ ที่เก่งมาทำเคสเกือบเดือนที่อยู่ใน รพ.จุฬาภรณ์(รพ.ที่ยามเข้มงวด เพราะฟ้าหญิงมักจะเข้ามาทรงงานบ่อยๆ)จนหายดี ใ

นที่สุดค่าใช้จ่ายทั้งหมดเกือบ 600,000ผมไม่ทราบว่านั่น นั้นคือ “ภาษีกู ภาษีกู”ที่ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ เอามาใช้จ่ายในการช่วยชีวิตคนหรือไม่ หรืออาจจะเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์อย่าด่าครอบครัวผมเลยนะครับ

ที่อาจจะใช้ภาษีท่านเพราะถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์ท่านครอบครัวผมคงพบกับความมืดมนที่สุดเพราะไม่มีปัญญาแน่นอน

 

ทุกวันนี้ ผมก็ผมตอบแทนบุญคุณของท่านด้วยการเป็นพลเมืองที่ดี ข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตประกอบสัมมาชีพ มีความสุขกับชีวิตแบบไทยๆ (หยุดเถอะครับ ว่าการดำรงพระชนม์ชีพของเบื้องสูงจ่ายแต่ภาษีที่ได้รับ ช่วยหาข้อมูลก่อนตะโกน. “ภาษีกู ภาษีกู”) เมืองที่มีอิสระเสรีที่สุดในโลก กิน นอน เที่ยว ที่ไหนก็ได้

มีอิสระทางความคิด คิดต่างได้แต่การแสดงออกโดยปราศจากความเคารพก็ไม่ควรได้รับความยอมรับเช่นเดียวกับการใช้ความรุนแรงเช่นกัน ผมไม่รู้ว่าเด็กสมัยนี้ รับความรู้จากช่องทางไหนบ้าง หรือเสพสื่ออะไรมาบ้าง ความจริงที่อยู่ในโลกออนไลน์ มันน่ากลัวถ้ามันถูกปรุงแต่งด้วยความรู้สึก

เรียกร้องสิทธิในสิ่งที่ ไม่เคยเสียลืมสิ่งสำคัญที่เรียกว่า หน้าที่อยากได้สิ่งที่ต้องการ โดยไม่ดิ้นรนพยายามพอกฎหมายที่ต้องการล้ม ถ้ามองภาพรวมก็เพราะมันไม่เอื้อให้นักการเมืองคดโกงหรือไม่แต่นักการเมืองฉลาด เล่นกับความรู้สึกเด็กว่าสังคมไทยให้สถาบันอยู่เหนือทุกอย่างโดยไร้เหตุผลประท้วงไล่นายก

อันนี้คือสิทธิที่ทำได้ แต่จาบจ้วงสถาบัน ไม่ว่าองค์ไหนไม่อาจเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ต่อให้แก้ตัวว่า ไม่ได้ล้มล้างแค่ให้เท่าเทียมแต่การกระทำคือการโน้มฟ้ามาย่ำยีรับไม่ได้ เพราะผมทูนไว้เหนือทุกสิ่งทุกอย่างนี่คือจุดยืนผม อธิบายให้ทราบเฉยๆไม่ได้บอกให้ลบเพื่อนถ้าเห็นต่าง

เพราะคำว่าเห็นต่าง คือใช้ได้กับทางการเมืองเท่ๅนั้นไม่ใช่สถาบัน เพราะสถาบันคือสิ่งเดียวที่ทำให้ไทยเป็นไทยถึงทุกวันนี้ไม่ใช่ “นักการเมือง”บอกได้เลยว่า ผมก้มกราบได้อย่างเต็มใจเพราะไม่มองว่าคือการกดขี่แต่คือการแสดงออกความรักและประเพณีที่ดีงาม

อย่าเอาการเรียก I กับ You ระหว่างแม่ลูกของฝรั่งมาเป็นบรรทัดฐานเพราะคนไทย แม้ไม่รู้จักกัน ก็เรียกกันเสมือนเป็นญาติกันนี่แค่เรื่องพื้นฐานที่เราควรมีความเป็นตัวเองและมีเหตุผลไตร่ตรองที่มาของการชุมขุมครั้งนี้ ว่าใครแน่ที่ได้ประโยชน์ ประชาชน หรือ นักการเมือง

แหล่งที่มา : tnews.co.th

เรียบเรียงโดย : item2day.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.